เมื่อพระเอกแถวหน้าของเมืองไทย เข้ม หัสวีร์ มาร่วมพูดคุยผ่านทางรายการ คุยแซ่บโชว์ พร้อมขอย้อนเล่าชีวิตวัยเด็กที่เกเรหนักมาก จนถึงขั้นต้องไปอยู่กรุงเทพฯ คนเดียวตั้งแต่อายุ 15 ปี และเคยเกือบเสียชีวิตจากการทำงานหนักจนฉี่เป็นเลือด
ชีวิตวัยเด็กที่เต็มไปด้วยความเกเร
เข้มเล่าว่าในวัยเด็กเขาไม่ได้มีความฝันที่จะเป็นดารา เพราะเป็นคนขี้อายและเข้ากับคนอื่นยาก ช่วงที่พ่อแม่แยกทางกัน เขามีปัญหาทางจิตใจและเริ่มเกเรมากขึ้น เริ่มจากการทำเรื่องชกต่อยในโรงเรียนเพื่อเรียกร้องความสนใจจากพ่อแม่ ที่ตอนนั้นไม่ได้ให้ความสนใจกับเขามากนัก
การเรียกร้องความสนใจด้วยการเกเร
เขายอมรับว่าเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เกเร เพราะต้องการให้พ่อแม่มองเห็นความสำคัญของตัวเอง โดยเขากล่าวว่า “มันเหมือนเด็กที่ถูกเลี้ยงดี แต่พอไม่มีสิ่งนั้นแล้วมันเหมือนสปอตไลท์ถูกปิดไป” เขาจึงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเรียกร้องความสนใจ
ชีวิตหลังจากเกเรและทำงานหนัก
ชีวิตของเขามีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อถูกส่งมาอยู่กรุงเทพฯ ตั้งแต่อายุ 15 ปี เพื่อทำงานเป็นช่างเชื่อม เขาเล่าว่าตอนนั้นมีปัญหาด้านการบริหารเงินจนเกิดอาการป่วย ทำให้ฉี่เป็นเลือดและรู้สึกว่าร่างกายไม่ปกติ
บทเรียนจากชีวิตในวัยเด็ก
เข้มบอกว่าเมื่อเขาตัดสินใจทำงานที่กรุงเทพฯ ก็ต้องใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ ถึงแม้จะไม่เข้าใจการตัดสินใจของคุณตาที่ส่งเขามาที่นี่ แต่เขาก็ได้รับบทเรียนสำคัญจากการทำงานหนักและประสบปัญหาด้วยตัวเอง
ความสัมพันธ์กับครอบครัวและการเติบโต
เข้มกล่าวว่าในช่วงนั้นเขารู้สึกน้อยใจที่บ้านและคิดว่าคุณตาเกลียดเขา แต่เมื่อได้ฟังเสียงแม่ร้องไห้และได้รับข้าวมื้อนั้น เขาก็เริ่มเข้าใจเหตุผลที่แม่ต้องออกไปทำงานหาเงินส่งมาให้ และรู้สึกขอบคุณแม่ที่อยู่เคียงข้างเสมอ
การเรียนรู้ถึงความสำคัญของครอบครัว
เข้มเรียนรู้ว่าอีโก้ไม่สามารถทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการดูแลและเอาใจใส่ครอบครัว และตอนนี้เขาพร้อมที่จะซัปพอร์ตแม่อย่างเต็มที่ในทุกเรื่องที่แม่ต้องการ
