“ข้าวโพด สมิทธินันท์” เปิดใจถึงกรณีเพื่อนรักเบี้ยวหนี้ผ่านไลฟ์ TikTok โดยยอมรับว่าเรื่องยืมเงิน/ลงทุนถึง 70 ล้านบาท นั้นเป็นเรื่องจริง เธอทำพลาดที่ไว้ใจมากเกินไป แม้จะมีเพื่อนเตือนหลายครั้ง แต่เพราะรักและเชื่อว่าเพื่อนคนนี้เหมือนคนในครอบครัว จึงปฏิเสธที่จะรับฟัง จนกระทั่งจับโป๊ะได้ชัดเจนในวันที่ 23 กันยายน วันนั้นเธอร้องไห้กอดกับเพื่อนถึง 2 ชั่วโมงเต็ม เป็นความรู้สึกที่เจ็บทั้งสงสารเพื่อนและเจ็บทั้งตัวเอง เหมือนต้องตั้งสติใหม่ทั้งชีวิต ข้าวโพดย้ำว่าเงินที่เสียไปคือ 95% ของเงินเก็บทั้งบ้าน ทั้งเงินของเธอ เงินของลูก และเงินของแม่ ซึ่งเป็นการหักล้างความเข้าใจของสาธารณะว่าเธอเป็นเศรษฐีบนฟูก
เธอเปิดเผยว่าสามีของเธอ (ซึ่งเป็นพนักงานโรงแรม ไม่ใช่เศรษฐี) รู้ทุกเรื่องและยืนอยู่เคียงข้างตลอด ถึงขั้นกอดกันร้องไห้อยู่นานนับสัปดาห์ พร้อมดูแลและเป็นกำลังใจสำคัญของครอบครัว ในส่วนของแก๊งเพื่อนรักนั้น ข้าวโพดยืนยันว่า คริส, วุ้นเส้น, วิกกี้, ฮาน่า และคนอื่นๆ ไม่ได้โดนเรื่องเงิน แต่เจ็บปวดเพราะความรักเพื่อน โดยเธอเป็นหนึ่งใน TOP 5 ของผู้ที่ได้รับผลกระทบ และเผยว่าการที่เพื่อนๆ กด “อันฟอล” เป็นเพียงการ เซฟใจตัวเอง เพราะการเห็นหน้าเพื่อนที่รักแล้วสะเทือนใจจนอยู่ไม่ได้
ข้าวโพดยังได้ชี้แจงชัดเจนถึงเรื่องดอกเบี้ย โดยระบุว่ากรณีนี้คือ การลงทุน และเธอไม่เคยคิดดอกเบี้ยเองเลย แต่เป็นฝ่ายเพื่อนที่เสนออัตราดอกเบี้ยมาเองทั้งหมด จึงยืนยันว่าข้อกล่าวหาเรื่อง “เก็บดอกโหด” ไม่เป็นความจริง สำหรับแนวทางทางกฎหมายนั้น เธอยอมรับว่าทนายคู่ใจสั่งให้อดทนและทำมาหากินไปก่อน แต่เธอพร้อมที่จะไปออกรายการโหนกระแส เพราะคนไม่ได้ทำผิดไม่จำเป็นต้องกลัว
ด้วยความรักที่ทำให้ตัวเอง “โง่” เธอเจ็บจนอยากถีบตัวเอง และยอมรับว่าเป็นกฎแห่งกรรมที่ต้องเจอเองถึงจะเข้าใจ อย่างไรก็ตาม เธอยังให้ข้อคิดแบบมีนัยยะว่า การที่สามีภรรยาไม่คุยกันเรื่องเงินก้อนโตมันเป็นเรื่องแปลก อาจเป็นกรรมเวรของคู่ที่ไม่คุยกัน หรืออาจจะรู้แต่แกล้งไม่รู้ก็ได้ ให้ผู้ชมใช้วิจารณญาณเอง ท้ายที่สุด ข้าวโพดขอลูกชายไม่ให้เดือดร้อนหรือต้องย้ายโรงเรียนจากความผิดที่ผู้ใหญ่ก่อ และตอบคำถามเรื่องมิตรภาพอย่างเด็ดขาดว่า “เพื่อนมีเยอะแล้วค่ะ” และขอเก็บไว้แค่เพื่อนที่ จริงใจและไม่โกหกกัน เท่านั้น
