คนเราหากศีลไม่เสมอกัน สุดท้ายก็ต้องแยกย้ายกันไปเอง
เหตุผล ที่คนเคยรักกันมานาน เมื่อละทิ้งกันไป ทำไมจึงหมดเยื่อใยเร็วปานนั้น
คำตอบก็คือ
หากคนปกติทั่วๆ ไป ที่ยังมีความรู้สึกทางดีมากกว่าความรู้ด้านไม่ดี เขาจะคิดถึงอดีตที่มีเราเสมอ นั่นทำให้เขาเห็นคุณค่าจนกว่าจะมีทุกวันนี้ แม้จะเบื่อหน่าย รำคาญเราในบางครั้ง เขาก็มีอดีตที่คอยเฝ้าคิดถึงทำให้ไม่จากไปไหน
แต่หากคนที่ทิ้งไปแล้วหมดเยื้อใยทันที นั่นก็เพราะเขามีความเลวในใจอยู่มาก เป็นประเภทอ่อนแอทางใจต้องการหนีไปให้พ้นๆ จากสภาพที่เป็นอยู่ ไม่ต้องการรับรู้ความรู้สึกของเราและคนรอบข้างว่าทุกข์ทรมานจากผลการกระทำของเขามากเพียงใด
ยิ่งมีคนใหม่ด้วยแล้วทำให้อดีตไม่เคยสำคัญอะไรกับเขาอีก หรืออีกนัยคือ เขาไม่เคยรักเราหรอก คนแบบนี้เขารักตัวเองมากเกินกว่าจะแคร์ความรู้สึกคนที่รักเขา หรือก็คือ เขาหมดเสน่ห์หาในตัวเราและไม่เห็นทางที่จะไปและใช้ชีวิตอยู่กับเราได้
เขาจึงไปแบบไม่หลงเหลือเยื่อใยอะไร แม้บางทีมีลูกสอง สาม ไม่ถามถึง ไม่ส่งเสียก็เห็นได้บ่อย และมักหาข้ออ้างสนับสนุนให้ตัวเองผิดน้อยลงด้วยการโยนความผิดให้เราก็ได้ คนแบบนี้จึงควรปล่อยไปมากกว่ามาอาลัยอาวรณ์
เพราะเขาไม่ได้คู่ควรกับเราแม้แต่น้อย มันอาจจะโชคดีกับเราก็ได้เพราะเราได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา แม้อดีตจะร่วมสร้างฝ่าฟัน อุปสรรคปัญหา แต่พอเขามั่งมีลืมตาอ้าปากได้ เขาก็เลือกจะไปอยู่กับคน
“ชีวิตคนเราหากทำความดีมากพอย่อมได้กินผลเงาะ หากมีความดีไม่พอย่อมได้กินแต่เปลือกของเงาะ”
อย่างไหนรสชาติมันจะหวานหอมกว่ากันล่ะ คนเราทุกวันนี้หลงเปลือก หลงรูปเสียจนหลงลืมจิตใจ คุณงามความดี ใครเลือกอย่างไหนก็จะได้อย่างนั้น คนที่ไม่ดี ไม่มีวันอยู่ร่วมกับคนดีไปได้หรอกเพราะศีลมันไม่เสมอ มันคิดก็ต่างทำก็ต่างแล้ว
เก็บความรักของเรามารักตัวเองและครอบครัวดีกว่า
แล้ววันหนึ่งเราจะขอบคุณเขาที่ทิ้งไป